วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Happy 15th Anniversary Shinhwa : eric shinhwa












[สัมภาษณ์] นิตยสาร GQ – Eric (ฉบับเดือน มิถุนายน 2013 ) Eric Shinhwa





Q: ได้ติดตามรายการ SNL> และ Radio Star ตอนออกอากาศบ้างมั๊ย?
A: มันทำให้ผมได้ค้นพบอีกครั้งว่า กระทั่งถึงตอนนี้ เฮซอง เป็นคนเดียวในวงที่แสดงไม่เก่ง

Q: ที่ผ่านมาได้ยินเวลาคุณไปออกรายการต่างๆพิธีกรมักจะให้พูดประโยคจากละครที่ ว่า “คุณได้กลิ่นอะไรไหม้มั๊ย ” ซึ่งคุณไม่อาจทนดูตัวเองตอนแสดงแบบนั้นได้ แต่ได้ข่าวว่าตอนนี้คุณ เริ่มพูดประโยคนี้ได้อย่างสบายๆ ตอนถ่ายทำรายการ ?
A:ไม่ใช่เพราะผมอึดอัดที่เพื่อนร่วมวงชอบล้อหรือบอกให้ผมพูดประโยคนี้ตอน ไปออกรายการต่างๆ เพียงแต่กังวลว่าคนดูจะเบื่อต่างหากเพราะเอามาใช้บ่อยเกินไป เป็นประโยคที่คิดว่าจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับรายการได้ แต่ตอนนี้ผมสามารถนั่งดูตัวเองพูดประโยคนี้ได้สบายๆคงไม่ใช่เพราะผมเก่งขึ้น แต่คงเพราะต้องพูดเยอะจนชินต่างหาก

Q: ตอนดูรายการ Shinhwa Broadcast รู้สึกว่าคุณเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่พอมานั่งดูรายการRadio Star คุณก็กลับมาเป็นปกติแบบนี้ คงเพราะสถานการณ์ที่ทำให้คุณเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวตนของคุณ
A: แรกๆผมก็เกร็งและระมัดระวังกิริยามากกว่าตอนถ่ายทำShinhwa Broadcast แต่ พอได้ถ่ายทำกับเพื่อนๆในวงก็ทำให้รู้สึกสบายใจไม่เกร็ง และตอนนี้ก็สนิทกับสต๊าฟด้วย นั่งจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมกล้าทำอะไรแบบนั้น แต่ถ้าผมไปออกรายการอื่นผมก็คงกลับมาเป็นตัวผมเองเหมือนเดิม


Q: ตอนี่ถามเกี่ยวกับว่าคุณได้ตามดูรายการไหนบ้างคุณตอบคำถามโดยคิดว่าตัว เองอยู่ในฐานะ ชินฮวา อย่างนั้นฉันเรียกคุณว่า เอริค ชินฮวา ไม่ใช่ เอริค เฉยๆ ใช่มั๊ย ?
Aแม้ว่าผมจะหลงไหลดนตรี แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่ทำให้ผมอยากเป็นนักร้องในตอนนั้นเหตุผลง่ายๆเลยคือ มันเท่ห์ดี อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านการเป็นนักร้องมาหลายปี นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไป ตั้งแต่
ต้นผมเป็นนักร้องเพราะต้องการจะเป็น และเริ่มต้นในฐานะชินฮวา แต่ถ้าผมต้องสูญเสียความตั้งใจเดิมเพราะการจูงใจจากบริษัทอื่นที่ดีกว่ามัน คงไม่เจ็งแน่ การเป็นนักแสดงหรือนักร้องมันแยกกัน
อย่างสิ้นเชิง ผมรู้ดีว่าพื้นฐานของการอยู่ได้อย่างยาวนานในวงการนี้คือความซื่อสัตย์และ การได้รับการยอมรับ พวกเราถูกจดจำในการเป็นไอดอลกรุ๊ป เกาหลีที่อยู่กันได้นานที่สุดไม่มีสิ่งใดที่เราทำ
หรือต้องคิดไปกว่านี้ ตอนนี้แฟนๆและวงการเพลงกำลังมองดูเราในฐานะต้นแบบ เราจึงต้องระมัดระวังในการวางตัวมากยิ่งขึ้น

Q: มีบ้างมั๊ยเวลาทำงานกันเป็นทีมแล้วมีการตักเตือนว่ากล่าวกันเพื่อให้เพื่อนร่วมวงทำอย่างที่คุณหวัง?
A: ฮาฮา เรามักเป็นข่าวบ่อยๆเกี่ยวกับความขัดแย้งในวง แต่ยังไม่มีเหตุการณ์ใดที่ใหญ่พอให้เราต้องตัดสินใจในการออกจากวงการ อย่างไรก็แล้วแต่ เรากลับสนิทกันมากขึ้น
เมื่อใดที่เราเริ่มขี้เกียจตอนที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย หรือ เราไม่รู้สึกดีใจมากมายตอนได้รับความรัก นั่นแหละคือเวลาที่พวกเราต้องตื่น

Q: แล้ว เอริค ชินฮวา ต่างกับ มุน จองฮยอค ยังไง?
A: ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดีและขี้เกียจ ในฐานชินฮา ถ้าผมไม่คอยมองการณ์ไกลว่าชินฮวาต้องทำยังไงที่สามารถเป็นจริงได้ ก็จะทำให้ผมยิ่งเป็นคนที่ขี้เกียจมากๆ ผมไม่คิดว่าผมจะไปไหนมาไหน
บ่อยๆ ชินฮวา คือเหตุผลใหญ่ว่าทำไมผมถึงสามารถทำงานได้อย่างบ้าคลั่ง

Q: คุณไม่อยากออกอัลบั้มเต็มของคุณบ้างหรือ อัลบั้มที่มีแต่ท่อนแร็พภาษาอังกฤษ
A: เพราะผมเป็นคนเขียนท่อนแร็พเกือบทุกเพลงตั้งแต่อัลบั้มที่ 1 ตอนนี้ก็ไม่ค่อยจะมีหัวข้ออะไรที่หยิบยกเอามาเขียน ตอนผมเขียนเนื้อท่อนแร็พ ผมก็จะเขียนโดยเอาประสบการณ์ที่ผมประสบมา มา
เขียนเป็นท่อนแร็พ และหากเขียนมันลงไปแล้วนำไปบันทึกเสียง คงไม่ดีแน่ที่จะได้ยินมาซ้ำในอนาคต ฮาฮา ถ้าหากมีบางคนแนะนำว่าผมควรเขียนเนื้อร้อง ถ้ามันไม่ช็อค หรือ ไม่ก็ พิลึก ผมคง
ต้องบอกว่าผมคงไม่ทำ ในกรณีที่ผมพูดเยอะบางทีผมก็อาจเผลอแสดงความคิดต่างของผมออกมาก็ได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ค่อยพูด

Q: แล้วทวิตเตอร์ละ?
A:ไม่ง่ายที่ต้องทำเพื่อทุกคน ดูเหมือนคุณจำต้องเป็นคนที่มีจิตสำนึกเพื่อคนอื่น ผมเคยคิดว่าผมสามารถให้คำแนะนำ ในฐานะคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มันเป็นการเขียนเพื่อ
ตัวผมเอง เพื่อแก้เบื่อ หรือ อาจจะเป็นความกลัวในผลตอบรับ เพราะผมมักจะสงสัยในผลตอบรับจากแฟนๆเสมอ ถ้าผมไม่ได้ทำเพื่อคนอื่นจริงๆ แน่นอนว่าผมก็ไม่ควรที่จะทวิต

Q: แล้วคุณไม่เขียนไดอารี่ ใช่มั๊ย?
A: ครับ ถ้าผมไม่ต้องทำอะไรผมจะก็จะกลายเป็นคนเกียจคร้านมากๆ ฮาฮา ตอนนี้ผมมาคิดดูแล้ว เพราะทวิตเตอร์หรือเปล่าที่ทำให้ผมไม่ขี้เกียจ

Q: เพราะคุณรู้ว่าไม่ควรยึดติด ดังนั้นคุณจึงทำในสิ่งที่เป็นไปได้และวางกลยุทธ์ในการทำงาน?
A: ถ้ามินอูมีความคิดเพ้อฝันแบบศิลปิน ผมก็เป็นคนที่อยู่ในโลกแห่งความจริง ผมไม่ชอบการทำผิดพลาด ไม่ชอบเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนและยังเกลียดที่จะต้องโด่นดุว่า ผมเป็นคนหนึ่ง
ละที่คิดว่า” แม้ถ้าผมไม่ได้รับคำชม อย่างน้อยผมก็ไม่ควรโดนต่อว่า” แล้วมินอูก็เป็นคนประเภท”ต้องกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดและควรได้รับคำ ชม”

Q: เป้าหมายของคุณปีที่แล้วในการคัมแบ็ก ประสบความสำเร็จอย่างดี ชินฮวา แฟนคลับในเกาหลีกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในรอบสี่ปี อะไรคือกลยุทธ์ในปีนี้
A: ตอนนี้เราได้คุยกันเรื่องอัลบั้มกับการแสดงบนเวที ปีที่แล้วเราต้องการปลดปล่อยความรู้สึก อาทิไอดอลรุ่นแรก,ไอดอลที่อยู่ยาวนานที่สุด รางวัลในความสำเร็จของชีวิต การมาเป็นนักร้องเช่นนั้น
เราต้องขึ้นแสดงในรายการ Music Cor,Music Bank ทีแรก เพราะว่ามันดูเหมือนว่าเราไปถึงจุดนั้น ดังนั้นเราจึงได้ทุ่มเทในการทำอัลบั้มและการแสดงของเรา ปีที่แล้วเรามีเพลงให้เลือก 200 เพลง ปีนี้
เรามีเพลงให้เลือกถึง 500 เพลง ในอัลบั้มเต็มอัลบั้มที่11 แต่ละเพลง สมาชิกในวงแต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกัน ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง แต่ตอนนี้ เราทุกคนต่างพูดเป็นในแนวทางเดียวกันในแต่ละ
เพลงของอัลบั้มทุกเพลง

Q: งั้นแต่ละเพลงก็คงต้องเลือกโดยใช้การลงมตินะซิ?
A: ใช่ครับ ยกตัวอย่างเพลงที่เราเลือกมาเป็นเพลงโปรโมต มีสองเพลงให้เลือกคือ “Scarface” และ “This Love”.
“This Love” เป็นเพลงที่ดูเหมือนจะนำเสนอสีสันของชินฮวา อย่างไรก็ตาม ตอนที่เราเห็นท่าเต้น เราต้องก็ร้องว่า “OMG”.(โอวมายก็อด) เราได้ปรึกษากันว่าเราควรจะเลือกเพลงที่บ่งบอกถึงความ
รู้สึกของเราและสร้างความช็อคในกับทุกคนที่เห็นด้วย และท้ายที่สุด เราตัดสินใจที่จะเดินไปกับเพลงที่ทำให้เราต้องอุทาน“OMG”.(โอวมายก็อด)
ถ้าพูดถึงความช็อคในท่าเต้นของเราเราทำสำเร็จแล้วกระทั่งณ ตอนนี้ มันไม่ใช่“Wild Eyes” ที่เราเต้นมีเก้าอี้ประกอบ นี่เป็นการเต้นที่อย่างกว่านั้น

Q: ดูเหมือนการเป็นชินฮวา บางทีอาจพูดได้ว่ามีเหตุผลที่ว่าทำไมชินฮวาถึงได้มาไกลขนาดนี้ เพราะความเสียใจและเห็นใจซึ่งกันและกัน นั่นอาจจะไม่ผิดนักแต่ฉันรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่สำคัญ
กว่าสิ่งใดแทนที่จะยืนอยู่ในที่ของตัวเองเพื่อความปลอดภัย คุณเอาชนะมาได้บนเส้นทางของคุณณตรงนี้ ความสัมพันธ์ของสมาชิกในวงดูเหมือนจะผ่านการขัดแย้งมาเยอะ
A: ไม่ใช่แค่ความจงรักภักดีและการเห็นใจซึ่งกันและกันที่เป็นตัวขับเคลื่อน แต่เราเน้นที่เหตุผลเป็นหลัก คำตอบหลักๆที่ไอดอลตอบในรายการตางๆไม่ใช่ความรู้สึกนั้น สำหรับผู้ชายที่อายุสามสิบที่
รู้ชัดแจ้งว่าพวกเขาต้องการอะไร สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องมีคือฉันทามติ มันไม่ใช่แค่ความจงรักภักดี แต่พวกเราคือครอบครัว คือพี่น้องกัน การแสดงออกที่ทำให้รับรู้ว่าเราคือคนสำคัญ มันมีค่ามาก
อย่างไม่นานมานี้ วันพ่อ พ่อผมส่งภาพของช่อดอกไม้มาให้ พร้อมกับบอกว่าช่อดอกไม้นี้จอนจินเป็นคนส่งมาให้ เพราะผมหมกมุ่นกลับการคัมแบ็กผมแค่ส่งข้อความสั้นๆไปอวยพรพ่อ ตอนที่เรา
กำลังสัมภาษณ์กับสื่อทั้งสิบแห่งในคราวเดียวกัน จอนจินส่งช่อดอกไม้เหล่านั้นไปให้พ่อแม่ของเราทุกคน เมื่อใดที่ผมไม่สามารถทำหน้าที่ลูกได้ แม้ว่าผมจะไม่มีน้องชาย เขาจะทำสิ่งเหล่านั้นแทนผม
เสมอเหมือนกับว่าเขาเป็นน้องชายผม นั่นคือสิ่งที่คนในครอบครัวทำกันไม่ใช่เหรอ ?

Q: คุณออกอัลบั้มใหม่ช่วงเวลาเดียวกับปีที่แล้ว คุณตั้งใจจะออกอัลบั้มใหม่ทุกปีใช่มั๊ย?
A: แม้ว่าตอนนี้คนนิยมออกมินิอัลบั้มหรือดิจิตอล ซิงเกิ้ลกัน มากกว่าสิ่งอื่นใดเราทำเพื่อแฟนหรือเพื่อก้นบึงหัวใจของพวกเรา การออกอัลบั้มใหม่ทุกๆปีดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของชินฮวา
เราเริ่มชอบแบบนี้และชินฮวาจะไม่มีวันเปลี่ยน ถ้าชินฮวายังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนๆเพราะการทำงานต่อเนื่องของเรา แล้วผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราควรจะทำมันต่อไป

Q: SMAP เป็นวงต้นแบบของชินฮา ที่ยังร้องและเต้นไม่ได้ดีมากกว่า 20 ปี อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีวาไรตี้ที่สร้างให้พวกเขามีพรสวรรค์ในฐานะนักร้องกลายพันธ์ เราได้คุยเรื่องโปรโมตอัลบั้มไปแล้ว ที่นี้ฉันอยากจะถามเรื่องเกี่ยวกับการร้องเพลงที่เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด บ้าง
A: สมาชิกแต่ละคนอาจมีความเห็นต่างกันในเรื่องนี้ แม้ว่าผมชอบ SMAP หลังจากได้เรียนรู้เกียวกับพวกเขา ผมไม่ใช่แฟนตัวยง แท้จริงแล้วผมอิจฉาพวกเขามากเวลาที่พวกเขาขึ้นคอนเสิร์ต พวก
เขาได้รับความรักจากแฟนๆมาอย่างยาวนานและแฟนๆของพวกเขาก็จะพาลูกๆหลานๆมา ดูคอนเสิร์ตเขาด้วย ที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับเรา อย่างไรก็ดีเราไม่ต้องการเป็นแบบนั้นเพราะ
เราคิดว่าเราควรจะ แต่เรากำลังทำงานกันอย่างหนัก นั่นคือสิ่งที่เราทำมาเสมอ สิ่งเหล่านั้นส่งผลให้เรามาเป็นเช่นนี้

Q: นอกจากี้ SMAP ยังมีรายการวาไรตี้ที่ยาวนานอย่างSMAP X SMAP พวกเขาแต่ละคนทำอะไรที่อยากทำกับตามรูปแบบของตัวเอง จะเรียกได้มั๊ยว่าตลอดรายการ พวกเขาเข้าสู่การเป็นเอน
เตอร์เทนเนอร์. แล้วจะเป็นไปได้มั๊ยกับรายการ Shinhwa Broadcast?
A: ประการแรก Shinhwa Broadcast ไม่ใช่รายการที่เลียนแบบ SMAP X SMAP สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่า เป็นรายการที่สามารถลดความแตกต่างระหว่างสมาชิกที่ทำได้ดีกับสมาชิกที่ไม่ สามารถทำได้
การใช้ชัวิตในวงการบันเทิงในฐานะนักร้องและนักแสดงเป็นสิ่งที่กดดันมากๆ และแม้ว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งกัน มันคงเหมือนการเดินอยู่บนน้ำแข็งบางๆ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราสามารมอง
ย้อนกลับไปเสมอ เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร เป็นอะไรที่แตกต่างยามคุณทำแล้วตกเป็นผู้ถูกล่า หรือยามที่คุณอยู่ในที่ที่ปลอดภัย คุณเห็นได้จากตั้งแต่ตอนแรกของShinhwa Broadcast เรา
ปราศจากความคิดที่ว่า”อา เราทำไม่ได้ ,ระวัง ระวังหน่อย ”